เนื้อหาบทที่ 8
การเขียนข่าว
ข่าว คือ การรายงานข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตลอดจนความคิดเห็นของบุคคลสาคัญ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ น่าสนใจ ซึ่งประชาชนให้ความสาคัญและสนใจ รวมทั้งมีผลกระทบต่อคนจานวนมาก
องค์ประกอบของข่าว
ความสดใหม่(Timeliness) หรือความรวดเร็ว(Immediacy)
ปุถุชนสนใจ(Human Interest)
ความใกล้ชิด(Proximity of Nearness)
ความมีชื่อเสียงหรือความสาคัญ(Prominence)
ผลกระทบกระเทือน(Consequence)
ความขัดแย้ง(Conflict)
ความมีเงื่อนงา(Suspense)
ความก้าวหน้า(Progress)
องค์ประกอบทางเพศ(Sex)
ความแปลกประหลาด(Oddity or Unusualness)
คุณสมบัติของข่าว
ข่าวที่ดีควรมีคุณสมบัติดังนี้
1. มีความถูกต้องครบถ้วน(Accuracy) หมายถึงข้อเท็จจริงต่างๆที่ปรากฏในข่าวเช่นชื่อนามสกุลยศตาแหน่งอายุอาชีพเพศวันเวลาสถานที่ฯลฯต้องครบถ้วนถูกต้องตรวจสอบแล้วรวมถึงการนาเสนอข้อเท็จจริงที่ได้จากการสัมภาษณ์ความคิดเห็นต้องครบถ้วนกระบวนความไม่ตัดทอนบิดเบือนจนทาให้เกิดผลเสียต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
2. มีความสมดุลและเป็นธรรม(Balance and Fairness) การรายงานข่าวผู้รายงานต้องนาเสนอข้อมูลทุกแง่มุมอย่างสมดุลต้องให้ผู้อ่านทราบข้อมูลเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ดังนั้นต้องลาดับข่าวอย่างต่อเนื่องหากเป็นข่าวความขัดแย้งของบุคคลสองฝ่ายก็ต้องนาความคิดเห็นของคนทั้งสองฝ่ายที่ชี้แจงแสดงความคิดเห็นที่โต้แย้งมาเสนออย่างเป็นธรรมและสมดุล
3. มีความเที่ยงตรง(Objectivity) หมายถึงการเขียนข่าวหรือรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมาไม่มีอคติไม่ใส่อารมณ์ความคิดเห็นและความรู้สึกส่วนตัวลงในข่าวที่นาเสนอสิ่งเหล่านี้ทาให้ข่าวขาดความเที่ยงตรงบิดเบือนไปจากความเป็นจริง
4. เข้าใจง่ายกะทัดรัดและชัดเจน(Simplicity, Concise, and Clear) ภาษาที่ใช้ในการเขียนข่าวต้องเป็นภาษาที่เข้าใจง่ายมีความกะทัดรัดและชัดเจนไม่กากวม
5. ข่าวต้องมี5W1H ได้แก่Who What Where When Why และHow
ใคร(Who) ใครคือบุคคลหรืออื่นๆที่ตกเป็นข่าว
ทาอะไร(What) เกิดอะไรขึ้นการกระทาหรือเหตุการณ์ใดที่สาคัญ
ที่ไหน(Where) การกระทาหรือเหตุการณ์นั้นๆเกิดขึ้นที่ไหน
เมื่อไร(When) การกระทาหรือเหตุการณ์นั้นๆเกิดขึ้นวันเวลาใด
ทาไม(Why) เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น
อย่างไร(How) รายละเอียดของเหตุการณ์เช่นเกิดขึ้นอย่างไรดาเนินอย่างไร
โครงสร้างของข่าวและการใช้ภาษา
1. พาดหัวข่าว(Headline) คือส่วนที่เป็นข้อความที่บอกประเด็นสาคัญของข่าวเพื่อให้ผู้อ่านทราบว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นบ้างใช้เพียงข้อความสั้นๆแต่สามารถเสนอสาระสาคัญให้แก่ผู้อ่านได้
ต้องดึงดูดความสนใจและกระทบต่อความรู้สึกของผู้อ่าน
การใช้ถ้อยคาที่สั้นที่สุดให้สามารถอธิบายเนื้อความข่าวได้มากที่สุดอาจใช้คาที่รุนแรงคาแสลงใช้สานวน
2. ความนาข่าว(Leads) หรือวรรคนาคือสาระสาคัญของเนื้อหาข่าวที่เขียนแบบย่อเพื่อสร้างความเข้าใจทั่วๆไปแก่ผู้อ่านเมื่ออ่านจบจะเข้าใจเรื่องแบบกว้างๆว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร
ความนาที่นิยมเขียนกันมากและเป็นพื้นฐานทั่วไปของการเขียนข่าวคือความนาข่าวแบบสรุปคือเป็นการสรุปย่อสาระสาคัญจากข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของข่าวคือ5 W + 1H
3. ส่วนเชื่อมความนาข่าวกับเนื้อเรื่อง(Neck)
ส่วนที่เชื่อมระหว่างความนาข่าวกับเนื้อเรื่องเพื่อให้การเขียนข่าวเชื่อมโยงต่อเนื่องโดยเป็นส่วนที่กล่าวถึงข่าวที่เกิดมาก่อนหน้านี้ซึ่งเกี่ยวพันกับข่าวที่รายงานอยู่เพื่อให้ผู้อ่านระลึกถึงความเดิมของข่าวนั้นจะมีหรือไม่ขึ้นอยู่กับความจาเป็นของเนื้อหาบางครั้งอาจจะเขียนไว้ที่ส่วนท้ายของข่าว
4. เนื้อเรื่องหรือเนื้อข่าว(Body)
คือส่วนที่อธิบายหรือขยายรายละเอียดของข้อความที่ได้กล่าวไปบ้างแล้วในส่วนความนาข่าวและเพิ่มเติมข้อมูลที่ยังไม่ได้กล่าวไว้ในความนาข่าวเพื่อให้ผู้อ่านทราบเรื่องราวและเข้าใจลาดับความสาคัญของเหตุการณ์
4.1 การเขียนเนื้อเรื่องข่าวที่เสนอข้อเท็จจริง
4.2 การเขียนเนื้อเรื่องข่าวที่แสดงความเคลื่อนไหว
4.3 การเขียนเนื้อเรื่องข่าวที่เป็นคาพูด
รูปแบบการเขียนข่าว
1. แบบพีระมิดหัวกลับ(Inverted Pyramid) นิยมใช้ในการเขียนข่าวหนังสือพิมพ์ในปัจจุบันผู้เขียนข่าวจะรายงานสาระสาคัญที่สุดของข่าวก่อนแล้วจึงเขียนส่วนสาคัญรองๆลงไปมักใช้เขียนกับเหตุการณ์ที่มีเนื้อหาเดียวเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ซับซ้อน
2. แบบพีระมิดหัวตั้ง(Upright Pyramid) ไม่ค่อยนิยมใช้ในปัจจุบันผู้เขียนข่าวจะเรียงลาดับข้อมูลที่มีความสาคัญจากน้อยไปหามากที่สุด(climax) ไม่เปิดเผยผลของข่าวก่อนเพื่อดึงดูดความสนใจไว้ตอนท้ายของเรื่อง
3.แบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าทรงยืนข่าวที่เขียนจะไม่ถูกจากัดความสั้น-ยาวด้วยพื้นที่ตีพิมพ์โดยรายละเอียดข้อมูลของข่าวแต่ละข้อมูลในเหตุการณ์นั้นมีความเท่าเทียมกันหมดและแต่ละข้อมูลมีเหตุผลสนับสนุนซึ่งกันและกัน
ข้อควรระวังในการเขียนข่าว
1. ชื่อและนามสกุลต้องสะกดให้ถูกต้องเพราะว่าถ้าผิดพลาดอาจกลายเป็นคนละบุคคลหรือเกิดความเสียหายได้
2. ยศตาแหน่งต้องระบุให้ตรงกับความเป็นจริงขณะนั้นเช่นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
3. คานาหน้าชื่อและบรรดาศักดิ์ต้องระบุเรียงลาดับให้ถูกต้อง
4. การใช้อักษรย่อหรือตัวย่อต่างๆควรตรวจสอบให้ดี
5. ไม่สอดแทรกความคิดเห็นส่วนตัวเข้าไป
6. การเขียนตัวเลขถ้ามีจานวนมากอาจใช้ตัวอักษรแทนถ้าไม่ใช่ตัวเลขที่แน่นอนควรใช้คาว่าประมาณ
7. หลีกเลี่ยงการใช้ศัพท์เทคนิคที่เข้าใจยาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น